เสี่ยเจ้าของร้านขายเสื้อกีฬา ย่านปทุมวัน ใช้ปืนกราดยิงออกมาจากร้านกว่า 40 นัด ทำให้กลุ่มชาวบ้านวิ่งหนีตาย ก่อนถูกหน่วยอริทราช 26 กดดันจนยอมมอบตัว
เสี่ยเจ้าของร้านขายเสื้อกีฬา เกิดอาการคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนออกมายิงออกนอกร้าน บริเวณถนนจุฬาฯ ซอย 10 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน ทำให้ประชาชนและกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่บริเวณดังกล่าว วิ่งหนีตายกันอย่างชุลมุล เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
โดยวัยรุ่นคนหนึ่ง เล่าว่า ตนและกลุ่มเพื่อนมานั่งเล่นกัน ที่ลานจอดรถตามปกติ จนกระทั่งเวลาตี 4 ได้ยินเสียงปืนดังหลายนัด ไม่รู้ว่า มาจากทิศทางใด จึงวิ่งไปหลบซ่อน ก่อนรีบโทรแจ้งตำรวจ
เมื่อตำรวจนครบาลปทุมวันมาถึง ผู้ก่อเหตุก็ได้ยิงปืนรัวใส่เจ้าหน้าที่อีกครั้ง กว่า 40 นัด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเรียกกำลังเสริมมาช่วย คือ หน่วยอรินทราช 26 กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ (191 ) ก่อนสามารถเข้าคุม นายเอกชัย อายุ 48 ปี เจ้าของร้านเอาไว้ได้
หลังเกิดเหตุ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบภายในร้าน พบปลอกกระสุนปืนประมาณ 40-50 นัด และร่องรอยกระสุนที่ถูกยิงผ่านทะลุประตู จากด้านในตัวบ้านหลายสิบนัด และบริเวณตึกฝั่งตรงข้าม ที่กำลังปิดปรับปรุง พบร่องรอยกระสุนที่กระจกอีก 3 นัด
หลานชายผู้ก่อเหตุ บอกว่า อาพักอาศัยอยู่ที่ร้านเพียงคนเดียว ส่วนภรรยาและลูกอยู่ต่างจังหวัด โดยตนเองเจอกับอาครั้งล่าสุด เมื่อวันตรุษจีน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุคาดว่า อาน่าจะเครียด เรื่องค้าขายและหนี้สิน เพราะหลังจากย้ายมาเปิดร้านที่นี่ เมื่อ 6-7 ปีก่อน ลูกค้าก็น้อยลง บางวันขายได้เพียงหลักพันเท่านั้น ยืนยันว่า ไม่ใช่ปัญหาครอบครัว
ขณะที่เพื่อนบ้านผู้ก่อเหตุ บอกว่า รู้จักกับผู้ก่อเหตุมานานกว่า 10 ปี โดยผู้ก่อเหตุ เป็นคนนิสัยดี ไม่มีปัญหากับใคร และที่ผ่านมา ก็ไม่มีท่าทางเครียด หรือบอกถึงปัญหาอะไรที่เกิดขึ้น
พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบผู้ก่อเหตุชื่นชอบอาวุธปืน และมักซ้อมยิงปืนเป็นประจำ โดยมีอาวุธปืนครอบครอง 4 กระบอก แต่ที่ใช้ในการก่อเหตุมี 2 กระบอก เป็นปืนชนิดโคลท์ .45 และ ปืนกล็อก 9 มม.
สอบสวนผู้ก่อเหตุ รับสารภาพว่า สาเหตุที่ยิงนั้นเป็นมาจากปัญหาส่วนตัว ไม่ใช่พฤติกรรมเลียนแบบ เหตุกราดยิงที่เทอร์มินัล 21 โคราช แต่เป็นการยิง เพื่อระบายความเครียดเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาก่อเหตุยิงผู้ใด
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า วันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุเคยยิงปืนขึ้นฟ้ามาแล้ว 5 นัด แต่ไม่มีใครแจ้งเหตุ ซึ่งหลังจากวันนั้น ก็เก็บตัวเงียบ จนกระทั่งมาก่อเหตุในวันนี้
จากนี้ จะส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจเพิ่มเติม โดยตำรวจเตรียมแจ้งข้อหา "พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร" ส่วนความเสียหายอยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะไม่ทราบว่า กระสุนปืนออกไปนั้นไปตกกระทบทรัพย์สินผู้ใดหรือไม่