สมช. เห็นชอบต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกไปอีก 1 เดือน พร้อมนำเข้าที่ประชุม ศบค. พรุ่งนี้ ยืนยัน ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แม้กระทบการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่ม
(21 พ.ค. 2563) พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณาการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ประชาคมข่าวกรอง และด้านสาธารณสุข และตัวแทนภาคเอกชน ว่า ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันให้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อไปอีก 1 เดือน จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการรวมกฎหมายให้เกิดความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเอกภาพ โดยจะนำเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 หรือ ศบค. ในวันพรุ่งนี้ และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าอีกครั้ง
ซึ่งถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยจะดีขึ้นตามลำดับ แต่สถานการณ์ของโลกยังน่าเป็นห่วงเนื่องจากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมองว่าการผ่อนคลายระยะที่ 3 มีความเสี่ยง การสมควรจะคง พ.ร.ก ฉุกเฉินไว้ตามความเหมาะสม
นอกจากนี้ พล.อ.สมศักดิ์ ยังยืนยันด้วยว่า ตั้งแต่วันแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตัดสินใจใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เข้ามาควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดสถานการณ์โควิด-19 ไม่เคยมีการคำนึงถึงเรื่องการเมือง และตนเองกล้ารับประกันว่าไม่ได้มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแม้จะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มแต่ไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักพร้อมย้ำว่าใช้เหตุผลด้านสาธารณสุขเป็นหลักไม่มีเหตุผลทางการเมือง
ขณะที่การขยายระยะเวลาการออกนอกเคหะสถานหรือเคอร์ฟิวและการผ่อนคลายระยะที่ 3 จะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า เช่นเดียวกับการพิจารณาการเปิดภาคเรียน หลังจากที่ประชุม ศบค. ได้ให้แนวทางกระทรวงศึกษาธิการ หรือ ศธ. ไปพิจารณา เพื่อนำเข้าที่ประชุมในสัปดาห์หน้า
โดยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยังกล่าวถึงกรณีการเปิดท่าอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศว่า ไม่เกี่ยวข้องกับ การต่อ พ.ร.ก ฉุกเฉิน และการผ่อนปรนระยะที่ 3 เนื่องจาก เป็นเรื่องของการบินพลเรือน เพียงแต่ต้องทำงานให้สอดคล้องกันเพื่อลดการแพร่ระบาดภายในประเทศ