ทีมข่าวช่อง 8 ถามทนายรณณรงค์โอกาสรอดคดีของแม่ปุ๊ก ทนายเชื่อเอาผิดได้ ข้อมูลจากแพทย์เป็นหลักฐานน่าเชื่อถือ ขณะตำรวจเตรียมส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตเวชเข้าตรวจสอบ "แม่ปุ๊ก" ภายในเรือนจำ
คุณบี แฟนเก่าของแม่ปุ๊ก เล่าว่าช่วงที่ใกล้คลอดจู่ ๆ แม่ปุ๊กก็หายไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ ไม่ยอมรับโทรศัพท์ และกลับมาพร้อมกับทารกหญิงซึ่งตัวเล็กมากและยังมีสายสะดืออยู่ แต่แม่ปุ๊กกลับไม่มีอาการเจ็บหรือเพลียเหมือนคนเพิ่งผ่านการคลอด นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเกิดความสงสัย แต่หลังจากนั้น แม่ปุ๊กแสดงตัวเป็นแม่เด็กอย่างแนบเนียน
จากนั้นคุณบีสังเกตว่า การเลี้ยงดูเด็กหญิงนั้น ปุ๊กทำหน้าที่แม่ได้ดี คอยดูแลเอาใจใส่ลูก ไม่ได้มีการทำร้ายหรือทำอะไรที่ผิดสังเกต แต่ก็แปลกว่าทำไมไม่เคยเห็นแม่ปุ๊กให้ลูกกินนมแม่เลย กลับให้กินแต่นมชงเท่านั้น ซึ่งพอถามแม่ปุ๊กก็บอกว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพเลยให้ลูกกินนมไม่ได้
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ บอกกับทีมข่าวช่อง 8 ถึงมุมมองในคดีที่เด็กหญิงวัย 4 ขวบ และเด็กชายวัย 2 ขวบ ถูกพบว่ามีสารเคมีกัดกร่อนในร่างกาย ซึ่งอาจเกิดจากการวางยา เชื่อว่า คดีนี้น่าจะสามารถเอาผิดแม่ปุ๊กได้อย่างแน่นอน
เนื่องจากพยานหลักฐานที่ทีมแพทย์ซึ่งรักษาเด็กทั้ง 2 คน นำส่งพนักงานสอบสวน ถือเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือในทางกฎหมาย อีกทั้งทีมแพทย์ไม่ได้มีข้อบาดหมาง หรือความสัมพันธ์กับแม่ปุ๊กและเด็ก ที่จะเป็นเหตุให้หยิบยกข้อมูลขึ้นมาโจมตี
อย่างไรก็ตาม ยังกังวลถึงประเด็นที่แม่ปุ๊กอาจหยิบยกขึ้นมาต่อสู้ในชั้นศาล คือ การที่แพทย์ตรวจพบสารเคมีในตัวเด็ก แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า ใครนำสารเคมีนั้นเข้าไป และ แพทย์ไม่สามารถบอกได้ว่า สารเคมีในตัวเด็กนั้น จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่ปุ๊กหรือไม่
ซึ่งอาจเป็นเหตุที่ศาลยกประโยชน์ให้จำเลย แต่ก็เชื่อว่า ศาลจะพิจารณาจากบริบทโดยรอบที่ตำรวจเก็บข้อมูลไว้ เอาผิดแม่ปุ๊กได้ เช่นการที่เด็กอยู่กับแม่ปุ๊กตลอด เด็กไม่เคยถูกเปลี่ยนมือคนเลี้ยง รวมถึงตอนที่แพทย์ได้กันไม่ให้แม่ปุ๊กเข้าเยี่ยมหรือเจอลูก เด็กก็มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทนายรณณรงค์ ยังฝากไปถึงที่ปรึกษาหรือทีมทนายของแม่ปุ๊กอยากให้คำนึงถึงศีลธรรมเป็นหลัก หากว่าคนเป็นแม่ลงมือวางยาเด็กจริง การใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ช่วยเหลือผู้ต้องหาจึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ตำรวจได้เตรียมประสานไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์ เพื่อขอให้จัดส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตเวชเข้าตรวจสอบ แม่ปุ๊ก ภายในเรือนจำ เพื่อพิสูจน์ว่า มีปัญหาทางสุขภาพจิตจริงตามที่พ่อของแม่ปุ๊กเคยบอกหรือไม่
หากผลการตรวจวินิจฉัยพบว่ามีปัญหาด้านสุขภาพจิตจริง ก็จะมีการพิจารณาต่อว่าอาการป่วยอยู่ในเกณฑ์ใด และจะมีผลทางคดีหรือไม่ ซึ่งตำรวจไม่ได้เป็นกังวล เนื่องจากปกติแล้วตามหลักกฎหมายจะมีการพิจารณาตามเกณฑ์การป่วยเป็นหลายระดับ ไม่ใช่ว่าหากป่วยทางสุขภาพจิตแล้วจะได้รับละเว้นโทษหรือคดี
ประกอบกับการสังเกตพฤติกรรมของแม่ปุ๊ก เมื่อครั้งสอบปากคำหลังถูกจับกุมตัว ก็ไม่พบอาการทางจิตที่ผิดปกติ สามารถพูดคุยตอบข้อสักถามได้เหมือนคนที่มีสติสัมปชัญญะทั่วไป