"มงคลกิตติ์" เอาจริง! ดัน เซ็กส์ทอย-ค้าประเวณี ถูกกฎหมาย จะได้เก็บภาษีหารายได้เข้ารัฐ ชี้ อย่าดัดจริตว่าไม่มีเรื่องแบบนี้ในสังคม
(17 มิ.ย. 2563) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาข่มขืนกระทำชำเราและล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการผลักดัน เซ็กส์ทอยถูกกฎหมายและให้รัฐจัดสวัสดิการบริการทางเพศแก่ผู้ขาดโอกาส
โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า เรื่องเซ็กส์ทอยถูกกฎหมายเป็นข้อเสนอของ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ประมาณ 3-4 คน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า เซ็กส์ทอยมีการใช้กันทั่วประเทศ ใช้กันเกลื่อน แต่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้เพราะเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่ต่างประเทศก็มีการอนุญาตให้สามารถใช้ได้อย่างถูกกฏหมายและเก็บภาษีเป็นรายได้เข้ารัฐ จึงมองว่าหากประเทศไทยนำแนวคิดดังกล่าวมาใช้ ก็จะสร้างรายได้ให้กับรัฐอีกทางหนึ่ง
ขณะที่เรื่องการจัดสวัสดิการทางเพศ เป็นแนวคิดของตนเองที่คิดไว้นานแล้ว และนำกลับมาถกเถียงกันใหม่ แต่ก็ยอมรับว่ามีกรรมาธิการที่เป็นคนรุ่นอาวุโส ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่เห็นด้วย แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่สนับสนุน โดยจะแบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกเป็นผู้ที่มีกำลังจ่าย สามารถซื้อบริการได้ รัฐก็ควรจัดให้มีการค้าประเวณีถูกกฎหมาย ทำให้ถูกสุขอนามัย มีใบประกอบวิชาชีพ และหากขึ้นทะเบียนถูกต้อง อาชีพดังกล่าวก็จะมีรัฐคอยดูแล สามารถจ่ายภาษีให้ถูกต้องได้ อาชีพค้าประเวณีก็จะถูกถอนออกจากสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้การค้าประเวณีเป็นอีกอาชีพหนึ่ง
เพราะวันนี้หากถามว่าปราบปรามได้หรือไม่ ต้องตอบตรง ๆ ว่าไม่สามารถปรับได้เลย เต็มประเทศไปหมด ส่วนอีกประเภทคือเป็นส่วนที่รัฐจัดสวัสดิการไว้ให้ สำหรับผู้ที่ขาดโอกาส เพื่อป้องกันปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ เพราะคนกลุ่มนี้อาจจะมีปัญหาทางจิต อ่อน ๆ และก็ไม่มีใครแจ้งความเนื่องจากอับอาย ดังนั้นจึงมองว่าควรหาทางออกให้กับคนกลุ่มดังกล่าว
เมื่อถามว่าในสังคมไทยการทำให้มีสวัสดิการทางเพศจะยอมรับกันได้หรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า เมื่อถึงเวลาหนึ่งคนจะรับได้ และต้องยอมรับว่า ความจริงการค้าประเวณีในประเทศไทยเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยตั้งกรุงศรีอยุธยา
"ความจริงโสเภณีในประเทศไทยเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มาถึงปัจจุบันก็ 700 กว่าปี ช่วงหนึ่งถูกกฎหมายช่วงนึงผิดกฎหมาย ช่วงก่อน 2502 ก็ถูกกฎหมาย แต่พอหลังจากนั้นมี พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ก็ผิดกฎหมาย แต่ ณ ปัจจุบันเราห้ามปรามกันได้หรือไม่ มันยังมีอยู่ไหม เราต้องอย่าดัดจริตว่ามันไม่มี คล้าย ๆ กับบ่อนการพนันบอลออนไลน์ บอกไม่มีไม่มี แต่สุดท้ายเห็นมีกันเต็มประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐก็ยอมรับว่า มันเป็นรายได้หลัก เรียกว่ารายได้นอกระบบ หรือส่วย มันก็จะเกี่ยวเนื่องกับการเสนอให้นำสิ่งใต้ดินให้ถูกกฎหมาย" นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายมงคลกิตติ์ ยังกล่าวย้ำด้วยว่า ในฐานะกรรมาธิการ ก็จะผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาข่มขืน ที่จะต้องมีทั้งการป้องปรามและสนับสนุนไปพร้อม ๆ กัน ที่สำคัญสังคมเปลี่ยนแปลงไปเยอะ อีกสักพักก็จะยอมรับกันได้ เพราะการไม่ยอมรับคือการไม่แก้ไขปัญหา การยอมรับว่ามันมีและหาทางแก้ไขจะสามารถแก้ไขปัญหาในอนาคตได้