นายพราน ยืนยัน เสียงร้องปริศนาไม่มีจริง เชื่อน้องขึ้นเขาไปเอง ส่วนเสื้อที่หายไปอาจถูกวัวกิน
เสียงร้องปริศนา ในวันที่ 11 พฤษภาคม ที่น้องชมพู่หายตัวไป ที่ยังคงเป็นข้อสงสัยของใครหลายคน ว่าเสียงร้องนั้นใช่เสียงของน้องชมพู่หรือไม่ วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 จะมาปริศนาไขที่มาของเสียง ที่เป็นข้อสงสัยเป็นเวลากว่า 68 วันแล้วให้กระจ่าง
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เกือบ 1 เดือน คุณพนิตนาฏ พรหมบังเกิด ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับชาวบ้านกกตูม ที่เป็นพยานปากสำคัญที่เล่าว่า มีกลุ่มนายพรานจากบ้านกวนบุ่นประมาณ 3-4 คน ขึ้นไปหาสัตว์ แล้วได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ บริเวณห้วยวังฮี ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามีเด็กหาย ทุกคนเลยเข้าใจว่าเป็นผี
วันนี้ผู้สื่อข่าวของเรา หาตัวนายพรานจนเจอ นายพรานคนนี้ ชื่อว่า “พรานเด่น” เล่าว่า จากการสอบถามเพื่อน ๆ กลุ่มนายพรานยืนยันว่าเรื่องได้ยินเสียงเด็กร้องในวันที่น้องชมพู่หายนั้น ไม่เป็นความจริง และไม่มีทางที่จะได้ยิน เพราะระยะทางที่กลุ่มนายพรานขึ้นไปล่าสัตว์อยู่ไกลห่างจากบ้านน้องชมพู่ถึง 4 กิโลเมตร และคนที่ได้ยินนั้นก็นอนอยู่บ้าน ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าได้ยินเสียงเด็กร้อง แต่อาจเพราะชาวบ้านพูดต่อๆ กัน ทำให้เกิดความสับสน
นายพรานเด่น ยังเล่าต่อไปอีกว่า จากประสบการณ์ที่ตัวเองเป็นนายพรานมากว่า 30 ปี ตัวเองเชื่อว่าน้องชมพู่สามารถเดินขึ้นไปบนเขาเองได้ เพราะ เด็กมีร่างกายที่แข็งแรง และสามารถเดินไปได้เรื่อย ส่วนเสื้อน้องที่ยังเป็นประเด็นที่หลายคนสงสัยว่าหายไปไหนนั้น ต้องบอกว่าหลังจากที่น้องหายตัวไป 1 วัน ชาวบ้านก็ได้ปล่อยวัวขึ้นไปหาของกินตามปกติ ซึ่งเชื่อว่าวัวน่าจะกินเสื้อของน้องไป ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติเพราะเคยผ่าท้องวัว และ เจอเศษผ้าผืนใหญ่ ก็เป็นได้
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังไปสอบถามน้าแต น้าของน้องชมพู่ ที่เลี้ยงวัว ซึ่งบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า วัวสามารถกินเสื้อผ้าได้ เพราะ บนเสื้อผ้านั้นจะมีความเค็มของเกลือ แต่วัวจะไม่มีทางกลืนเสื้อผ้าลงไป แต่ก็มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า หากคนร้ายเผาเสื้อ หรือ ซ่อนเสื้อ ก็อาจจะทำลายหลักฐานด้วยการให้วัวกิน
ล่าสุด เมื่อวานชุดคลี่คลายคดีได้ลงพื้นที่อีกครั้ง โดยได้ขึ้นเขาไปทางเต่างอย ติดกับ ห้วยวังฮี เพื่อที่จะตรวจสอบเส้นทางตามที่นายพรานกล่าวอ้างให้สิ้นข้อสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ หากอยู่ตรงจุดนี้จะได้ยินเสียงเด็กร้อง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นไปได้ยากมาก ตำรวจจึงสิ้นข้อสงสัยในประเด็นนี้