ขอเร่งพิสูจน์ฝีมือ สร้างความเชื่อมั่น กู้วิกฤตเศรษฐกิจ มั่นใจไม่มีปัญหาถึงแม้ รมต.ไม่ได้มาจากพรรค หากมีนโยบายทำเพื่อ ปชช.-เชื่อ นายกฯ หนุนแก้ รธน.
น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีว่า ตนขอเคารพการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในการคัดเลือกบุคคลที่มาดำรงตำแหน่งคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้ประกาศมาชัดเจนแล้ว หลังจากนี้คงเป็นบทพิสูจน์ของ ครม.ที่จะสามารถฟื้นฟูเยียวยาปัญหาเศรษฐกิจที่ขณะนี้อยู่ในภาวะวิกฤติ ซึ่งจากการลงพื้นที่ใันนี้ผู้ประกอบการได้มีการสอบถาม ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการในระดับล่าง และธุรกิจ sme ก็ยังเผชิญภาวะวิกฤตในแง่ของยอดรายได้ก็ยังไม่มีนัยยะว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวอย่างไร ในส่วนของตัวรัฐมนตรีก็จะต้องพิสูจน์ตัวเอง การดำเนินงานต้องใช้เวลาอย่างรวดเร็วในการเร่งพลิกฟื้นแก้ปัญหา และการพิสูจน์ตัวเองในสายตาของประชาชน ซึ่งตนคิดว่าความเชื่อมั่น ศรัทธา จากประชาชนให้ออกมาจับจ่ายใช้สอย และกล้าลงทุน รวมถึงการลงทุนต่างชาติ ถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆว่า จะกล้ามาลงทุนในประเทศหรือไม่
น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า สำหรับรายชื่อบุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ทางด้านเศรษฐกิจ ก็จะเห็นว่านายกรัฐมนตรีพยายามคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ แต่อย่างที่บอกว่า ก็ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ๆ ท่านผู้บริหารต้องทำความเข้าใจกับระบบราชการ และทำอย่างไรให้เกิดการเชื่อมโยงในการทำงานแลบบูรณาการกับหน่วยงานอื่น รวมถึงการทำงานร่วมกับรัฐสภา เกี่ยวกับการออกกฎหมายและแก้กฎหมายที่ทำให้เกิดปัญหาติดขัดและการรื้อฟื้นเศรษฐกิจ
ส่วนที่รัฐมนตรีหลายคนไม่ได้มาจากพรรคพลังประชารัฐจะมีปัญหาในการทำงานหรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่มีปัญหาในการทำงาน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการมุ่งมั่นทำงานเพื่อนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตและก้าวไปข้างหน้า ซึ่งพวกเราทุกคนต้องพยายามช่วยให้ประเทศผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ ถ้ารัฐมนตรีท่านใดมีนโยบายหรือโครงการที่ทำเพื่อประชาชน พวกเราก็พร้อมที่จะช่วยสนับสนุนและผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ยังกล่าวถึงการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ว่า คงจะต้องรับฟังความเห็นของประชาชนว่ามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งวันนี้ก็มีการออกมาเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งประชาชน พรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้าน และล่าสุดนายกรัฐมนตรีก็พูดชัดเจนแล้วว่า พร้อมที่จะสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากนี้คงจะเหลือแค่ขั้นตอนว่าจะมีการแก้ไขอย่างไร ให้ตั้ง สสร.แก้เป็นรายมาตรา หรือแก้มาตรา 256 ก็คงจะต้องนำไปพูดคุยหาข้อสรุปในชั้นกรรมาธิการ ซึ่งถือว่ายังเป็นความคิดเห็นที่แตกต่างของหลายฝ่าย และเป็นเรื่องเปราะบาง ที่ผู้ใหญ่ทุกท่านในทุกภาคส่วนจะต้องร่วมหารือกัน เพื่อหาข้อยุติร่วมกันให้ดีที่สุด
ส่วนกรณีที่ ส.ว.ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง สสร.นั้น น.ส.วทันยา กล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเราทุกคนเป็นตัวแทนประชาชนและปากเสียงของประชาชน สิ่งที่เรายึดมั่นเสมอก็คือต้องรับฟังเสียงของประชาชน เมื่อรับฟังมาแล้วต้องนำมาปรับเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะใช้ได้ไม่นาน แต่ก็เห็นว่ามีปัญหาในหลายจุด ซึ่งบางส่วนเราก็เห็นด้วยที่จะต้องมีการปรับแก้