ตำรวจพาแม่ฆ่าปาดคอลูกสาววัย 3 ขวบ ตรวจร่างกายและสภาพจิต ด้านผู้ก่อเหตุออกอาการเครียด เร่งสอบสวนหาสาเหตุ
ตำรวจ สภ.พุนพิน คุมตัวแม่ อายุ 43 ปี ขึ้นรถกระบะเพื่อส่งตัวไปตรวจบาดแผลที่ลำคอและตรวจสภาพจิตใจ ที่โรงพยาบาลพุนพิน โดยมีสามีและลูกสาว วัย 8 ขวบตามเฝ้าดูด้วยความเป็นห่วง
เนื่องจากสภาพแม่ มีสีหน้าเครียดตลอดเวลา เดินตัวแข็งทื่อ เหมือนยังช็อกกับเหตุการ์ณที่ตัวเอง ใช้มีดทำครัวปาดคอลูกสาว วัย 3 ขวบจนเสียชีวิต ที่บ้านพักในสวนยางพารา ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อค่ำวานนี้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนยังสอบปากคำผู้ก่อเหตุไม่ได้ ต้องรอให้อาการดีขึ้นก่อน ส่วนศพลูกยังไม่มีญาติติดต่อรับกลับไปทำพิธีทางศาสนา เนื่องจากครอบครัวนี้ พื้นเพเป็นชาวสกลนคร ย้ายมาทำมาหากินรับจ้างกรีดยางที่สุราษฎร์ธานี เป็นเวลา 3 ปีแล้ว ซึ่งสามีและลูกสาวอีกคน ต้องตามดูอาการผู้ก่อเหตุ และขั้นตอนดำเนินคดีของตำรวจ
สามีของผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่า เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากเป็นข่าวอีกแล้ว เพราะสงสารภรรยาและลูก
ก่อนหน้านี้ สามี เล่าถึงเหตุการณ์ว่า ปกติจะออกไปกรีดยางตอน 6 โมงเย็น ส่วนภรรยาจะตามออกไปตอน 5 ทุ่ม แต่เมื่อวานฝนตกหนัก จนออกไปทำงานไม่ได้ จึงพาลูกเข้านอน แต่แยกนอนกันคนละมุ้ง ตนจะนอนกับลูกสาว 8 ขวบ ส่วนภรรยาแยกกางมุ้งนอนอีกหลังกับลูกสาวคนเล็ก
ระหว่างนั้นตนลุกตื่น บังเอิญหันไปมองมุ้งของภรรยา เห็นภรรยากำลังใช้มีดจะปาดคอตัวเอง รีบวิ่งไปแย่งมีดออกจากมือ จังหวะนั้นเหลือบไปเห็นร่างลูกสาวคนเล็กเปื้อนเลือดโชก ตกใจอุ้มลูกวิ่งไปหน้าบ้าน จะพาไปโรงพยาบาล แต่ลูกเสียชีวิตไปแล้ว
ยืนยันว่า ตลอดเวลาที่อยู่กินกัน ไม่เคยทะเลาะ มีปากเสียงกันเลย เรื่องหนี้สินก็ไม่มี ภรรยาไม่เคยมีอาการป่วยทางจิต ไม่มีพฤติกรรมดื่มเหล้าและเสพยาเสพติดด้วย
แต่ช่วงเช้าเมื่อวานนี้ จู่ๆ ภรรยามีอาการเครียดฉับพลัน บอกเครียดเรื่องคนนินทา ระแวงจะมีคนมาฆ่า มารุมโทรมตัวเองและลูกสาวทั้งสองคน จึงบอกให้นอนพักผ่อน อย่าคิดมาก แต่ภรรยาไม่เชื่อ ไม่ยอมหลับยอมนอน แถมไม่ยอมให้ลูกไปโรงเรียนด้วย
ส่วนตัวคิดว่า หากคืนเกิดเหตุฝนไม่ตก ตัวเองออกไปกรีดยาง อาจจะสูญเสียลูกสาวทั้งสองคน รวมถึงภรรยาด้วย