ตำรวจยังไม่สามารถสรุปได้ว่าใครเป็นคนขับรถทัวร์ ที่เดินทางไปเที่ยวในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ก่อนเกิดอุบัติเหตุชนท้ายรถบรรทุกมันสำปะหลัง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย

ความคืบหน้าอุบัติเหตุรถบัสนำเที่ยวพุ่งชนกับรถบรรทุกมันสำปะหลัง บริเวณแยกถนนตัดใหม่ถนนสาย 304 นครราชสีมา-กบินทร์บุรี ช่วงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 14-15 บ้านไชยมงคล ตำบลไชยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 46 ราย เหตุเกิดช่วงเช้ามืดวันที่ 26 กันยายน

บรรยากาศตั้งแต่เช้าวันนี้ (27 ก.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ยังมีญาติและครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทยอยเดินทางมารับสิ่งของ ก่อนจะไปดูอาการผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล ซึ่งกระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ

นางนิ่มนวล จูสวย ซึ่งมารดาได้รับบาดเจ็บ เล่าว่าอาการของแม่ มีแต่กระจกฝังขาหลายชิ้น ค่ารักษาทราบว่าผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ช่วยดูแลให้ ในส่วนของคนที่ไปกับคณะในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องกันบ้านอยู่ใกล้กัน

ก่อนเกิดเหตุ แม่โทรบอกว่า กำลังจะไปเที่ยวชลบุรี กระทั่งมาเห็นภาพของแม่ในข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ คือคนที่นั่งชั้นล่าง หลังคนขับ ตอนแรกแม่จะต้องนั่งชั้นล่างเช่นกัน เนื่องจากน้องสะใภ้ที่เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจองที่นั่งด้านล่างให้ เพื่อจะนั่งด้วยกัน แต่แม่ปฏิเสธ บอกว่าข้างล่างแคบ หายใจไม่ออก ขอไปนั่งชั้นบนแทน

ขณะที่เมื่อคืนทีมข่าวช่อง 8 ไปสำรวจถนนที่เกิดเหตุ พบว่ายังมีร่องรอยความเสียหาย มีธูป เครื่องเซ่นไหว้ ที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตนำมาจุด จุดที่เกิดเหตุเป็นช่วงสี่แยก ถนนตัดใหม่ ติดตั้งไฟสัญญาณจราจรทุกด้าน

แต่หลัง 3 ทุ่ม ไฟสัญญาณจราจรจะปิดทำงาน เหลือเพียงแค่ไฟสัญญาณกระพริบ ชาวบ้านละแวกนั้นจะเรียกกันว่า "สี่แยกวัดใจ" เนื่องจากมีหลายช่องจราจร เป็นถนนทางตรงยาว รถมักใช้ความเร็ว กลางคืนจะมีรถบรรทุก และรถขนาดใหญ่ จำนวนมาก

ส่วนความคืบหน้าทางคดี พนักงานสอบสวนจะทยอยสอบปากคำผู้บาดเจ็บ ในส่วนสาเหตุขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ จากการสอบปากคำเบื้องต้น และสภาพความเสียหาย ตำรวจให้น้ำหนักไปที่สภาพความพร้อมของ "คนขับ" ว่า อาจหลับใน ซึ่งรถคันนี้มีคนขับมา 2 คน ส่วนใครที่เป็นคนขับขณะเกิดเหตุนั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ เพราะยังอยู่ระหว่างสอบปากคำ

สำหรับคณะที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ นำผู้สูงอายุจาก ต.น้ำใส อำเภอจตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด เดินจะไปเที่ยว จ.ชลบุรี ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ไม่ใช่ทัวร์ของคณะ อสม. ตามที่มีข่าว มี อบต.ในพื้นที่ชักชวนชาวบ้าน ให้ร่วมโครงการ เคยพาไปแล้ว 150 คน เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว รุ่นนี้เป็นรุ่น 2 และจะทำให้ครบทั้งตำบล

 

แต่คนที่ไปต้องเอาโทรศัพท์ไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ ใช้เลขบัตรประชาชน รอ เอสเอ็มเอส ยืนยัน ก่อนจะเข้าแอพพลิเคชั่น "เป๋าตังค์" เพื่อสแกนใบหน้า ชาวบ้านที่ร่วมโครงการไม่ต้องเสียเงินใด เนื่องจากมีงบหัวละ 3,000 บาท แต่จะหักค่าใช้จ่าย เช่น ค่าโรงแรม ค่ารถ รวมคนละ 2,000 บาท ที่เหลือชาวบ้านจะได้คนละ 1,000 บาท

ตำรวจยังไม่รู้ใครเป็นคนขับรถทัวร์ชนรถบรรทุกดับ 7 ศพ