ทำเนียบถกแผนรับมือม็อบ 14 ตุลา ฝ่ายความมั่นคงประเมินคนร่วมชุมนุมแค่หลักหมื่น ไม่ถึงแสน
(8 ต.ค. 2563) นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พร้อมด้วยนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล ตัวแทนจาก กทม. ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซักซ้อมทำความเข้าใจการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ รักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมรับมือการชุมนุมวันที่ 14 ตุลาคมนี้
หลังการประชุม นายสุภรณ์ เปิดเผยว่า นายประทีป ดูแลเกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมด ส่วนตนเองมีหน้าที่ประเมินสถานการณ์กลุ่มมวลชนจากต่างจังหวัด โดยประเมินว่า ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ใครคิดจะมาชุมนุมก้าวล่วง พี่น้องประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคณะก้าวหน้าของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, กลุ่มของนายอานนท์ นำพา หรือกลุ่มของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ก็รู้แล้วว่าเป้าหมายของการเคลื่อนไหวเพื่อก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์
ดังนั้นพี่น้องประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะอดีตคนเสื้อแดง, อดีตแกนนำ นปช. หลาย ๆ คน ก็ยืนยันว่า จะไม่เข้าร่วมชุมนุม แต่ยังมีกลุ่มของพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ปราศรัยตามจังหวัดต่าง ๆ พยายามปลุกระดมให้มวลชนมาร่วมชุมนุม จึงอยากฝากไปถึงผู้ที่จะมาชุมนุมว่าการก้าวล่วงสถาบันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ ส่วนแกนนำคนเสื้อแดงโดยนายอานนท์ แสงนาค ก็แถลงแล้วว่า พี่น้องหมู่บ้านเสื้อแดงทั่วประเทศไทยและแกนนำทุกภาคทุกจังหวัด จะไม่มาร่วมชุมนุม เพราะทุกคนจะปกป้องสถาบันตามที่เป็นข่าวไปแล้ว
สำหรับการประเมินกลุ่มผู้ชุมนุม นายสุภรณ์ กล่าวว่า ประเมินแล้วว่าการชุมนุมครั้งนี้จะมีจำนวนหนึ่ง แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ต้องมีการเตรียมการดูแล ประเมินให้รอบคอบ และคิดว่าการชุมนุมไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับบ้านเมือง ยิ่งชุมนุม ยิ่งทำให้เศรษฐกิจเสียหายเพิ่มขึ้น ยิ่งชุมนุมยิ่งทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากขึ้น ยิ่งทำให้ประเทศชาติทำงานยากขึ้น รัฐบาลทำงานยากขึ้น ซึ่งตนเองมีประสบการณ์บนท้องถนนทั้งปี 52, 53 และ 57 ไม่ได้ช่วยให้บ้านเมืองมีอะไรดีขึ้น มีแต่ซ้ำเติมเศรษฐกิจ ซ้ำเติมประชาชนผู้บริสุทธิ์ สำหรับประเทศไทย บุคคลที่เสียหายคือประชาชน คนเดือดร้อนคือประชาชน และความพินาศย่อยยับคือประเทศไทย จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ส่วนการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นวันที่ 14 ตุลาคมนี้ นายสุภรณ์ ย้ำว่า ในฐานะที่ตนเองเคยเป็นแกนนำการชุมนุม ก็จะตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ต้องมีแผนเตรียมการควบคุมความเรียบร้อย และเจ้าหน้าที่ต้องรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมด้วย ไม่ให้บุคคลที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์จนเกิดความวุ่นวาย และขอให้ชุมนุมสงบ สันติ ภายใต้ขอบเขตกฎหมาย อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย อย่าสร้างความรุนแรงและความเสียหายให้เกิดขึ้นอีกเลย ประสบการณ์ในอดีตขอให้มาเป็นบทเรียน
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากที่ประชุมว่า ที่ประชุมมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับแผนเผชิญเหตุ เพื่อรักษาความปลอดภัยพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะยึดถือตาม พ.ร.บ.การชุมนุม อย่างเคร่งครัด ห้ามเข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาลเกิน 50 เมตร โดยแผนเผชิญเหตุสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นฝ่ายที่ดำเนินการในรายละเอียด และมีการประเมินจากฝ่ายความมั่นคงว่าผู้ชุมนุมจะอยู่ในหลักหมื่น ไม่ถึงแสน