กรมอนามัย ห่วงสุขภาพชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุท่อส่งก๊าซระเบิด ย้ำต้องสวมหน้ากากป้องกัน หวั่นสูดดมก๊าซตกค้าง
(23 ต.ค. 2563) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงสุขภาพประชาชนที่อาศัยในบริเวณที่ท่อส่งแก๊สระเบิด ที่จังหวัดสมุทรปราการ แนะนำให้สวมหน้ากากป้องกันตนเองทุกครั้งขณะทำความสะอาดบ้านเรือน ที่พักอาศัย ลดการสูดดมแก๊สตกค้างในชั้นบรรยากาศ
โดยนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์ท่อส่งแก๊สระเบิด จังหวัดสมุทรปราการ ที่เกิดขึ้นนั้น นอกจากจะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพประชาชนในบริเวณดังกล่าวแล้วยังอาจส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะบ้านเรือน ที่พักอาศัยภายในบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจจะยังมีเขม่าหรือกลิ่นแก๊สตกค้างในชั้นบรรยากาศ
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ประชาชนจะต้องป้องกันในช่วงเวลาหลังจากสถานการณ์คลี่คลายกลับคืนสู่สภาวะปกติ คือการสวมหน้ากากป้องกันเมื่อต้องทำความสะอาดและดูแลสภาพแวดล้อมในบริเวณบ้านและชุมชน เพราะหากไม่สวมหน้ากากป้องกันอาจจะเสี่ยงสูดดมกลิ่นแก๊สที่ตกค้างเข้าไปก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบหายใจตามมาได้
ส่วนการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยให้สะอาดปลอดภัยหลังสถานการณ์ท่อส่งแก๊สระเบิดนั้น สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
1) ประเมินความมั่นคงแข็งแรงตัวโครงสร้างของบ้าน ประตู หน้าต่าง หลังคา ระเบียง ก่อนเข้าในบ้าน
2) สวมชุดป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ได้แก่ หน้ากากอนามัย ถุงมือยางและรองเท้ายางกันน้ำก่อนทำความสะอาด
3) เตรียมอุปกรณ์สำหรับเก็บกวาด ทำความสะอาด เช่น ถุงดำใส่ขยะ ไม้กวาด แปรงถูพื้นชนิดมีด้ามผงซักฟอก ถังน้ำพลาสติก สายยางฉีดน้ำ ถุงมือยางหนา รองเท้าพื้นยางหุ้มแข็ง หน้ากากอนามัย เป็นต้น
4) ควรทำความสะอาดจากส่วนบนลงมาด้านล่าง เช่น ทำความสะอาดฝ้าเพดานก่อน ตามด้วยผนังบ้าน พื้นบ้านตามลำดับ และจากภายในตัวบ้านออกสู่ภายนอกบ้าน โดยใช้ผงซักฟอกหรือสารทำความสะอาดร่วมกับการใช้แปรงขัดถูให้สะอาด ไม่ควรใช้สารทำความสะอาดที่ผสมสารเคมีเข้มข้นหรือมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง
5) หลังทำความสะอาดบ้าน ควรเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดความเข้มข้นของกลิ่นแก๊สที่ตกค้างภายในบ้าน
และสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรืออยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุควรสังเกตอาการตนเองรวมถึงคนในครอบครัวหากพบว่ามีอาการหายใจติดขัด วิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ให้รีบไปพบแพทย์ทันที