เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ตามนโยบาย เร่งรัดปราบปรามแก๊งสารพัดฉ้อโกง ซึ่งสร้างความเสียหาย และเดือดร้อน ให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. ภายใต้อำนวยการควบคุมสั่งการของ พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบก.ปฎิบัติการพิเศษ และ พ.ต.อ.จิรโรจน์ โรจน์ภานุพัชร์ รอง ผบก.ปฎิบัติการพิเศษ นำโดย พ.ต.อ.เรืองรัตน์ หงส์ทิพย์รัตน์ ผกก.2 , พ.ต.ท.ชัยสิทธิ์ วงษ์ทอง รอง ผกก.2 , พ.ต.ท.ปิยฉัตร ณ พัทลุง รอง ผกก.2 พร้อมด้วย พ.ต.ต.ศราวุธ อยู่สบาย สว.กก.2 นำกำลังชุดสืบสวน กก.2 บก.ปฏิบัติการพิเศษ ได้ร่วมกันออกสืบสวนจับกุม
1. นางพัชรี อินทร์วารี อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ดที่ 277/2563 ลง 5 ต.ค. 63
2. นายจำนงค์ มีอุบล อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ดที่ 278/2563 ลง 5 ต.ค. 63
3. นายเกรียงไกร คำสะอาด อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ดที่ 279/2563 ลง 5 ต.ค. 63
ในความผิดฐาน “ร่วมฉ้อโกงประชาชนและใช้เอกสารปลอม” พฤติการณ์ กล่าวคือ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2563 แก็งสาธุ ประกอบด้วย นายบุญหลง หมื่นลาภ ทำหน้าที่แต่งกายปลอมเป็นพระ รวมกับ นางพัชรี อินทร์วารี ,นายจำนงค์ มีอุบล และ นายเกรียงไกร คำสอาด ได้นำรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน 1 ฒษ 9931 กทม. บนรถมีพระพุทธรูป องค์ใหญ่ นายบุญหลง ฯ แต่งกายปลอมเป็นพระ นั่งท้ายรถ ตระเวนประชาสัมพันธ์ออกวิ่งเรี่ยไร่เงินประชาชน ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยแจ้งกับประชาชนว่าจะนำเงินที่ได้รับบริจาค ไปทำบุญสร้างศาลาการเปรียญ มูลค่า 2 ล้าน ให้กับวัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดลพบุรี ซึ่งทำให้ประชาชนหลงเชื่อ ร่วมกันบริจาคเงินให้เป็นจำนวนมาก ต่อมามีผู้ร้องให้ตรวจสอบ พบว่า วัดที่แก็งนี้กล่าวอ้าง มีการสร้างศาลาการเปรียญจริงหรือไม่ จึงสอบถามไปยังวัดที่จังหวัดลพบุรี ปรากฏว่าไม่มีการสร้างแต่อย่างใด และทางวัดไม่รู้จักกับบุคคลทั้ง 4 คน นี้ด้วย สภ.เมืองภูเก็ต จึงเข้าตรวจสอบ เป็นเหตุให้จับกุมตัวนายบุญหลง หมื่นลาภ ซึ่งแต่งกายเป็นเป็นพระสงฆ์ ตรวจสอบแล้วไม่มีใบสุทธิ และไม่สามารถท่องบทสวดมนต์ อีกทั้งในย่าม ยังพบเสื้อและกางเกงไว้เปลี่ยน พร้อมเงินบริจาคอีกส่วนหนึ่ง จึงทำการสึก และจับกุมดำเนินคดี ส่วนในแก๊งอีก 3 ราย คือ นางพัชรี อินทร์วารี , นายจำนงค์ มีอุบล และ นายเกรียงไกร คำสะอาด ไหวตัวทัน ได้หลบหนี ออกจากพื้นที่ พร้อมเงินบริจาคซึ่งคาดว่ามากกว่า สามแสนบาท จึงขออนุมัติต่อศาลเพื่อออกหมายจับ
ต่อมาชุดสืบสวน กก.2 บก.ปฏิบัติการพิเศษ สืบสวนทราบว่าแก๊งสาธุ หลบหนีไปกบดาน ในพื้นที่ จ.ลพบุรี จึงรายงานผู้บังคับบัญชา และลงพื้นที่ออกสืบสวนติดตามตัว เนื่องจากพฤติกรรมเป็นภัยสังคม หากินกับความเชื่อและความศรัทธาในพระพุทธศาสนา สร้างความเดือดร้อน หลอกลวงซ้ำเติมทุกข์ประชาชน ในช่วงโรคระบาด จนสามารถจับกุมตัวได้ครบทั้ง 3 ราย ในพื้นที่ อำเภอท่าหลวง และอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี สอบถามรับว่าเคยก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้ มาแล้วหลายพื้นที่โดยจะเน้น จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว นอกจากนั้นยังตรวจสอบพบประวัติต้องคดีฉ้อโกงประชาชนอีกหลายคดี จากนั้นได้ ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป