เลขาฯ ป.ป.ส. เผย ของกลาง 11.5 ตัน ที่ยึดได้ในโกดังบางปะกง ตรวจสอบแล้ว 66 จาก 400 กระสอบ พบว่าไม่ใช่ยาเค เตรียมตรวจกระสอบที่เหลือ
(21 พ.ย. 2563) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการฯ ป.ป.ส. นำสื่อเข้าตรวจสอบห้องเก็บของกลาง ซึ่งมีการระบุในเบื้องต้นว่าเป็นยาเคจำนวน 11.5 ตัน ที่ตรวจยึดได้ในโกดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หลังจากแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งข้อสงสัยว่าของกลางดังกล่าวหายไปไหน
โดย เลขาธิการฯ ป.ป.ส. กล่าวว่าว ของกลางถูกเก็บไว้ที่สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 1 พื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด สามารถเข้า-ออก ได้เพียง 2 คน พร้อมยืนยันว่า ในวันตรวจยึดพบของกลางทั้งหมด 475 กระสอบ ในจำนวนนี้มี 66 กระสอบที่เปิดไว้อยู่แล้วจึงนำตัวอย่างสุ่มตรวจด้วยน้ำยาทดสอบ ปรากฎว่าเป็นสารสีม่วง ซึ่งตรงกับยาเสพติด จึงตั้งข้อสันนิษฐานเบื้องต้นไว้ก่อนว่าเป็นยาเค แต่หลังจากได้นำเข้าส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการอย่างละเอียด กลับพบว่าสารที่พบในโกดังไม่ใช่ยาเค แต่เป็นไตรโซเดียมฟอสเฟต หรือสารที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมอาหารและยา ซึ่งหลังจากนี้ ป.ป.ส.จะเข้มงวดตรวจบริษัทเคมีภัณฑ์ ที่นำเข้าสารชนิดนี้เข้ามาในประเทศไทย เพื่อป้องกันการสั่งมานำไปใช้ซุกซ่อนขนส่งยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม แม้ของกลางที่พบจากตรวจสอบ 66 กระสอบ ไม่ใช่ยาเค แต่อีก 400 กว่ากระสอบยังไม่ได้ตรวจสอบ ซึ่ง ป.ป.ส.เตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงหน่วยงานระหว่างประเทศเข้าทำการตรวจสอบร่วมกันภายในไม่เกินสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกัน ยังไม่สามารถบอกได้ว่าหลังตรวจสอบเสร็จสิ้นครบทั้ง 400 กว่ากระสอบจะมียาเคซุกซ่อนอยู่ภายในหรือไม่ เนื่องจากกระสอบของกลางที่พบคาดว่า เป็นของที่ถูกนำมาใช้บรรจุยาเคไว้ภายใน เพื่ออำพรางขนย้ายตบตาเจ้าหน้าที่เท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของทางการประเทศปลายทาง ที่จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดยาเคได้จำนวน 300 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา เพราะทั้งบรรจุภัณฑ์และที่มา มาจากต้นทางเดียวกันคือประเทศไทย
ถึงแม้เบื้องต้น จะยังไม่พบสารซึ่งเป็นยาเค แต่ยืนยันว่าสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้เพราะความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นความผิดระหว่างประเทศ โดยในวันจันทร์ที่ 23 พ.ย.นี้ ป.ป.ส. จะไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แต่เนื่องจากเป็นคดีระหว่างประเทศ ทำให้อำนาจการสอบสวนเป็นของอัยการสูงสุด
ขณะที่แนวทางการสืบสวนขยายผลไปยังเครือข่ายค้ายาเคล็อตนี้ เบื้องต้นพบคนไทยเป็นผู้เช่าโกดัง 1 คน แต่ยังจับกุมตัวไม่ได้เพราะหลบหนีไป และไม่พบประวัติเคยก่อเหตุอาชญากรรมมาก่อน ซึ่ง ป.ป.ส. ทราบความเคลื่อนไหวแล้ว จากนี้ ป.ป.ส. เตรียมจะเดินหน้ายึดทรัพย์พร้อมขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการ และขอยืนยันอีกครั้งว่าเครือข่ายนี้ยังสืบไปไม่ถึงว่าข้าราชการหรือคนมีสีรวมถึงนักการเมืองจะเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ จนกว่าจะสามารถจับกุมคนเช่าโกดังมาได้และสืบสวนเป็นทอด ๆ ไป
พร้อมกันนี้ เลขาธิการฯ ป.ป.ส. ยังระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้เสนอข่าวไปว่ามีการจับเคได้ล็อตใหญ่ แต่เมื่อผลการตรวจสอบกลับไม่ใช่ยาเค ป.ป.ส.ยืนยันว่า ทำทุกอย่างตามความเป็นจริง ที่ผ่านมาก็ได้เร่งดำเนินการมาโดยตลอด