"ธนาธร" ชี้ รัฐประหารไม่ใช่ทางออกของปัญหา พร้อมเผยกำลังใจดีแม้ถูกโห่ไล่ขณะลงพื้นที่
(24 พ.ย. 2563) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่ถูกเชื่อมโยงกับการชุมนุมและถูกดำเนินคดีจากฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งมีมวลชนมาขับไล่ในการลงพื้นที่ ว่า ตอนนี้ยังมีขวัญกำลังใจดีแม้จะมีคดีและถูกกลุ่มบุคคลที่ระรานทุกครั้งที่ไปแต่ละพื้นที่ โดยจะมุ่งมั่นทำงานต่อไป ไม่หวาดหวั่นกับสิ่งที่มาคุกคาม ซึ่งกำลังใจที่ดีที่สุดก็มาจากประชาชนที่ผลักดันให้คณะก้าวหน้าได้ทำงานต่อไป
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มราษฎรในวันพรุ่งนี้ที่มีกระแสข่าวหนาหูว่าอาจมีการทำรัฐประหารนั้น นายธนาธรกล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่ารัฐประหารคือทางออกของปัญหา เพราะที่ผ่านมามีการทำรัฐประหารหลายครั้ง แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าจะแก้ปัญหาได้ ขณะเดียวกันต้นตอของความขัดแย้งครั้งนี้ก็เกิดจากการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 ทั้งนี้ตนเชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายเปิดใจรับฟังความคิดเห็น ทางออกที่สันติของประเทศยังมีอยู่
นอกจากนี้ นายธนาธร ยังฝากถึงตำรวจที่จะดูแลพื้นที่ชุมนุมในวันพรุ่งนี้ด้วยว่า ให้ใช้ขันติธรรมกับผู้ชุมนุม และลองฟังสิ่งที่ผู้ชุมนุมพูด เพราะสาเหตุที่นักเรียน นักศึกษา ประชาชนจะไปชุมนุมที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นเพราะข้อเสนอของพวกเขาไม่ได้รับการรับฟัง โดยเฉพาะข้อเสนอให้รับร่างรัฐธรรมนูญของไอลอว์ที่มีประชาชนลงชื่อไว้กว่า 1 แสนคน แต่เสียงของเขากลับไม่ได้รับการรับฟังและนำไปประกอบการพิจารณาในสภา ประชาชนถึงโกรธ และต้องขีดเส้นในการชุมนุม เพราะข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้รับการตอบสนอง
และตนเองไม่เขื่อว่าฝ่ายอนุรักษณ์นิยมจะมีต้นทุนทางสังคมและทางการเมืองมากพอที่จะทำรัฐประหาร เพราะปี 2557 การรัฐประหารก็ใช้ต้นทุนที่เขามีไปหมดแล้ว และตนยังเชื่อว่านักเรียน นักศึกษาที่กำลังเคลื่อนไหว มีวุฒิภาวะพอต่อการยั่วยุ ทำให้การนำไปสู่ความรุนแรงไม่เป็นผล
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรียืนยันชัดเจนว่าจะใช้กฎหมายทุกฉบับรวมถึง ม.112 มาเอาผิดกลุ่มราษฎรนั้น นายธนาธร กล่าวว่า การที่รัฐบาลประกาศเช่นนี้ก็เหมือนเป็นการเอาน้ำมันราดบนกองไฟ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งจับกุมกัน หรือเอาแกนนำเข้าคุก นอกจากนี้การที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังเชื่อว่าตนเองอยู่เบื้องหลังการชุมนุม เป็นการประเมินที่ผิด การจับธนาธร กับแกนนำเข้าคุกไม่ได้ทำให้ปัญหาจบ เพราะฝ่ายรัฐไม่เข้าใจว่าทั้งหมดคือเสียงของยุคสมัย
"การจับแกนนำยัดคดีไม่ได้ทำให้ปัญหาจบ เมื่อไม่มีธนาธรหรือปิยบุตร ก็มีคนอื่นขึ้นมาแทน ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรต้องทำคือเปิดใจให้กว้างและยอมรับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมตอนนี้ หากยังฝืนจะยิ่งทำให้ปัญหาลุกลามจนแก้ไขหาทางออกไม่ได้" นายธนาธร กล่าว