กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ 5 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และสงขลา ซึ่งภาพรวมระดับน้ำได้ลดลงทุกจังหวัด ผู้เดือดร้อนติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย ในพื้นที่ภาคใต้ 11 จังหวัด 101 อำเภอ 584 ตำบล 4,220 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 689,792 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 30 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังใน 5 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และสงขลา รวม 28 อำเภอ 107 ตำบล 607 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 39,086 ครัวเรือน ดังนี้
สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเคียนซา อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอพุนพิน อำเภอเวียงสระ อำเภอพระแสง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และอำเภอบ้านนาสาร รวม 45 ตำบล 343 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,002 ครัวเรือน
นครศรีธรรมราช น้ำท่วมขังในพื้นที่ 10 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอพระพรหม อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอชะอวด อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอปากพนัง อำเภอหัวไทร อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอถ้ำพรรณา รวม 35 ตำบล 178 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 24,157 ครัวเรือน
ตรัง น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง และอำเภอกันตัง รวม 5 ตำบล 26 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,656 ครัวเรือน
พัทลุง น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนขนุน อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอเขาชัยสน อำเภอปากพะยูน และอำเภอบางแก้ว รวม 9 ตำบล 22 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,122 ครัวเรือน
สงขลา น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสิงหนคร อำเภอระโนด และอำเภอสทิงพระ รวม 13 ตำบล 38 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,131 ครัวเรือน
ทั้งนี้ ภาพรวมของสถานการณ์น้ำท่วม ระดับน้ำได้ลดลงทุกจังหวัด ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัย พื้นที่ใกล้เคียง พื้นที่อื่น ๆ สนับสนุนการเผชิญเหตุ
โดยระดมกำลังพลและทรัพยากรด้านสาธารณภัย อาทิ เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ เรือไฟเบอร์ รถสูบส่งน้ำระยะไกล รถผลิตน้ำดื่ม รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถสุขาเคลื่อนที่ รถประกอบอาหาร รถไฟฟ้าส่องสว่าง ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูงและเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
ในส่วนของผู้เสียชีวิต จังหวัดได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตตามระเบียบแล้ว ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป