"เสรีพิศุทธ์" ชี้ มาตรา 112 ยังจำเป็น แนะให้ปรับแก้ป้องกันใช้กลั่นแกล้งทางการเมือง
(14 ธ.ค. 2563) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว.ส่วนหนึ่ง ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ในขณะนี้ว่า ทุกคนสามารถแสดงความเห็นได้และต้องพยายามรับฟังทุกส่วน โดยย้ำว่ายังจำเป็นบังคับใช้กฎหมายอยู่
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แนะนำให้มีการปรับแก้กฎหมายโดยเชื่อทุกคนแสดงความเห็นไม่มีใครมีประสบการณ์เรื่องมาตรา 112 เท่ากับตัวเอง เพราะในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเคยใช้กฎหมายนี้และถูกบังคับใช้ด้วย
โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ขณะถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ว่า ในตอนนั้นเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบัน แต่ถูกฝ่ายตรงข้ามพยายามกลั่นแกล้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นปฏิปักษ์กับผู้ชุมนุมทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ชุมนุมที่ถูกดำเนินคดีอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการบังคับใช้กฎหมาย และกระทบต่อความรู้สึกของผู้ถูกดำเนินคดีต่อสถาบันหลักของชาติ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า การดำเนินคดีผู้ที่ละเมิดสถาบันมีมานานแล้ว ซึ่งตำรวจและอัยการต้องพิจารณาที่เป็นคุณกับสถาบัน โดยในยุคที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ทราบข้อมูลมาว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงไม่โปรดให้ดำเนินคดีมาตรา 112 กับราษฎร รวมถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 ด้วย โดยอ้างอิงคำบอกเล่าของ ศ.ศิวลักษณ์ หรือ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักวิชาการอิสระที่ให้สัมภาษณ์ไว้
พร้อมแสดงความเป็นห่วงบ้านเมือง หลังชมคลิปปฏิวัติฝรั่งเศสท่ามกลางสถานกาณ์บ้านเมืองขณะนี้ โดยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการปลุกระดมมวลชนให้เกิดการล้มล้างสถาบันหรือไม่ ก่อนจะย้ำว่าหากรัฐบาลดำเนินการสิ่งใดที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันก็ให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แนะนำว่าสำหรับกฎหมายมาตรา 112 อยู่ในหมวดความมั่นคง ควรแยกเรื่องดูหมิ่นพระมหากษัตริย์และการอาฆาตมาดร้ายออกจากกัน ให้นำเรื่องการดูหมิ่นไปอยู่ในมาตรา 326 เพื่อป้องกันการฟ้องกลั่นแกล้งกัน แต่ทั้งนี้ไม่ได้เสนอเป็นร่างกฎหมายในนามพรรค เพียงแต่แนะแนวทางแก้ไขปัญหา โดยไม่ได้คาดหวังว่ารัฐสภาจะปรับแก้ตามที่เสนอ เพราะเชื่อว่าเสียงข้างมากของรัฐบาลก็คงไม่เห็นด้วย