"สันธนะ" แจ้งความกองปราบ ดำเนินคดี "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" 4 ข้อหา ปมเงินบริจาคทำเสื้อสีชมพู
(14 ธ.ค. 2563) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ พร้อมด้วยนายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือเสี่ยโป้ เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ถนนพหลโยธิน เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ดารานักแสดงชื่อดัง ใน 4 ข้อหา คือความผิดฐานพยายามฉ้อโกง , เรี่ยไรเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต, ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดที่เกี่ยวกับการแอบอ้างสถาบัน หลังได้รับข้อมูลการเปิดรับบริจาคเงินเพื่อจัดทำเสื้อสีชมพูไปแจกจ่ายให้ประชาชนในโอกาสต่าง ๆ
โดยนายสันธนะ กล่าวว่า แม้ว่าตนเองจะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง แต่เห็นว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติและต้องการให้ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ออกมาชี้แจง แต่ที่ผ่านมากลับนิ่งเฉย ประกอบกับพยานหลักฐานที่ตนมี ทำให้เชื่อได้ว่าอาจมีการกระทำผิดจริง จึงรวบรวมพยานหลักฐานให้ตำรวจดำเนินคดี โดยวันนี้ได้พาพยานบุคคลจำนวนหนึ่งที่ทราบข้อเท็จจริง มาให้ตำรวจสอบสวนปากคำ ส่วนนายนิรันดร ซึ่งถูกพาดพิงว่าเป็นผู้จัดทำเสื้อได้พูดคุยกันแล้ว ก็ยืนยันว่าพร้อมจะเข้าให้ปากคำกับตำรวจในฐานะพยานเช่นกัน ขอยืนยันว่าสิ่งที่ตนออกมาเคลื่อนไหว ตนเองไม่ได้รับผลประโยชน์แต่อย่างใด และมองว่าสิ่งที่ทำจะทำให้สังคมได้รับประโยชน์มากว่า
ขณะที่นายอภิรักษ์ ระบุว่า ตนมาในฐานะที่เป็นคนติดต่อจะบริจาคกับ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ยืนยันว่า ตนมาให้การกับพนักงานสอบสวนในฐานะพยานเท่านั้น ไม่ได้มาแจ้งความในฐานะผู้เสียหาย ซึ่งจะส่งผลกระทบกับรูปคดีหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ยอมรับว่าหนักใจกับเรื่องนี้ เพราะฝ่ายหนึ่งคือคนที่ตนเคารพ อีกฝ่ายคือคนที่ตนรู้จัก ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ แต่ที่ตนทำไปเพราะต้องการทำบุญเท่านั้น และวันนั้นก็บอกกับ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ไปแล้วว่า ไม่ต้องการให้เปิดเผยชื่อของตนต่อสาธารณะ เรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่าในอนาคตจะเลือกทำบุญด้วยตัวเอง ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อไปแล้ว
ส่วนพยานหลักฐานต่างๆ ที่นายสันธนะมี ตนเคยเห็นแค่ในวันแถลงข่าว ไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตนพร้อมพูดคุยกับทุกฝ่าย ตนเองไม่ได้อยากจะเกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องของสูงเกี่ยวกับสถาบัน และรู้สึกลำบากใจ ที่ต้องมาอยู่ตรงกลางระหว่างนายสันธนะ และ"บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" เพราะจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนที่เสีย