ปภ. รายงาน 4 จังหวัดภาคใต้ยังถูกน้ำท่วม เดือดร้อน 2.5 หมื่นครัวเรือน เร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง
(17 ธ.ค. 2563) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน – ปัจจุบัน (17 ธันวาคม 2563 เวลา 06.00 น.)
มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัยรวม 11 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราชตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 101 อำเภอ 584 ตำบล 4,220 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 691,659 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 30 ราย (นครศรีธรรมราช 21 ราย พัทลุง 3 ราย ตรัง 2 ราย สุราษฎร์ธานี 2 ราย และสงขลา 2 ราย) ผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย (จังหวัดพัทลุง) ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมใน 4 จังหวัด 19 อำเภอ 57 ตำบล 233 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,121 ครัวเรือน ดังนี้
1.สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเคียนซา อำเภอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิม และอำเภอพุนพิน รวม 7 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 360 ครัวเรือน
2.นครศรีธรรมราช น้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอพระพรหม อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอชะอวด อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอปากพนัง รวม 31 ตำบล 169 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,656 ครัวเรือน
3.พัทลุง น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนขนุน อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอเขาชัยสน อำเภอปากพะยูน และอำเภอบางแก้ว รวม 8 ตำบล 19 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,620 ครัวเรือน
4.สงขลา น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสิงหนคร อำเภอระโนด และอำเภอสทิงพระ รวม 11 ตำบล 33 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 485 ครัวเรือน
ภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมระดับน้ำลดลงทุกจังหวัด ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัย พื้นที่ใกล้เคียง พื้นที่อื่น ๆ สนับสนุนการเผชิญเหตุ
โดยระดมกำลังพลและทรัพยากรด้านสาธารณภัย อาทิ เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ เรือไฟเบอร์ รถสูบส่งน้ำระยะไกล รถผลิตน้ำดื่มรถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถสุขาเคลื่อนที่ รถประกอบอาหาร รถไฟฟ้าส่องสว่าง รวมถึงเดินหน้าในการช่วยเหลือดูแลด้านการดำรงชีพเบื้องต้นแก่ประชาชนที่ยังคงได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ สำหรับในส่วนของผู้เสียชีวิต จังหวัดได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตตามระเบียบแล้ว
ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง ประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป