"สิระ" ย้อน "ธนาธร" ควรปฏิรูปตัวเองก่อน พร้อมจี้นายกฯสั่งดำเนินการคดีน้องธนาธร ติดสินบนฮุบที่ดินสำนักงานทรัพย์สินฯ
(21 ม.ค. 2564) คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน นำโดยนายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการฯ แถลงถึงการประชุมกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบกรณีการไม่ดำเนินคดีกับ นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชาย ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กรณีเกี่ยวข้องกับคดีติดสินบนเจ้าหน้าที่ขอเช่าที่สำนักงานทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อเลี่ยงการประมูล
โดยนายสิระ กล่าวว่า การประชุมเมื่อวานนี้ได้เชิญ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ กองบังคับการปราบปราม และอัยการเจ้าของสำนวนมาชี้แจง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ มีเพียงฝ่ายอัยการแต่ก็ไม่ใช่อัยการเจ้าของสำนวนมาด้วยตัวเอง ซึ่งอัยการที่มาชี้แจงก็พูดเสมือนว่าคดีนี้นายสกุลธร เป็นผู้เสียหายโดนหลอกเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่ฝ่ายผู้จ่ายเช็คและนายหน้าต้องทราบกระบวนการเช่าที่ดินดีอยู่แล้วว่าต้องผ่านการประมูล
ส่วนที่อ้างว่าคดีของนายสกุลธร ทางตำรวจได้แยกสำนวนออกมาก็ไม่ชัดเจนว่าแยกมาดำเนินคดีในข้อหาอะไร มีการดำเนินคดีเพียงแค่ฝ่ายผู้รับเงิน แต่ไม่ดำเนินคดีกับผู้ให้ จึงตั้งขอสังเกตว่าเป็นความพยายามช่วยเหลือกันของทั้ง อัยการ และตำรวจหรือไม่
ดังนั้น จึงได้ทำหนังสือเชิญนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ พร้อมกับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 27 มกราคม และมีหนังสือให้ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯ ส่งเอกสารชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ กรรมาธิการยังได้เชิญผู้บังคับการปราบปราม มาให้ข้อมูลอีกครั้ง หากยังไม่มาอีก กรรมาธิการจะขอไปจัดประชุมที่กองบังคับการปราบปรามแทนเพื่ออำนวยความสะดวกให้ ดูสิจะไม่ว่างอีกหรือไม่
นายสิระ ยังกล่าวด้วยว่า คดีนี้ต้องหาความจริง เพราะมีหลักฐานการสั่งจ่ายเช็คในนามบริษัทชัดเจน ที่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้มีอำนาจในการสั่งจ่ายต้องร่วมรับผิดชอบด้วย พร้อมขอให้ประชาชนช่วยกันพิจารณาการกระทำของครอบครัวนายธนาธร ที่ออกมาเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน แต่ครอบครัวตัวเองพยายามเอาที่ดินทรัพย์สินฯมาครอบครองโดยไม่ผ่านการประมูลที่ถูกต้อง
ดังนั้นประชาชนต้องตัดสินว่านายธนาธร ควรปฏิรูปตัวเองก่อนหรือไม่ ส่วนกรณีที่อ้างว่าฝ่ายผู้จ่ายเงินไม่ทราบกระบวนการขอเช่าที่ดินนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะข้อเท็จจริงมีการตกลงจ่ายเงินกันถึง 500 ล้านบาท แล้วเงินบางส่วนที่จ่ายมาแล้วก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นค่าอะไร
พร้อมตั้งข้อสังเกตไปยัง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯว่าเหตุใดไม่กล้ามาชี้แจงต่อกรรมาธิการเป็นเพราะกลัวจะไปขุดเจอปัญหาการทุจริตในสำนักงานทรัพย์สินฯใช่หรือไม่ เหตุใดไม่ให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ