"ก้าวไกล" ยื่นแก้กฎหมาย 5 ฉบับ ทั้ง ม.112-116 แสดงจุดยืนดึงสถาบันออกจากการเมือง ยืนยันไม่คิดล้มล้างสถาบัน
(10 ก.พ. 2564) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย 44 ส.ส. เข้ายื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เสนอแก้ไขกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก 5 ฉบับ ซึ่งรวมถึงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 โดยยืนยันว่า การเสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าว มีเป้าหมายและหลักการเพื่อทำให้สถาบันเป็นที่เคารพปราศจากการติฉินนินทา หรือดึงสถาบันออกจากการเมือง ป้องกันไม่ให้ใครแอบอ้างความจงรักภักดีโจมตีอีกฝ่ายหรือใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งปิดปาก
โดยยกตัวอย่างเมื่อวานนี้ อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง 2 คดี กับผู้ชุมนุมในฐานความผิดมาตรา 112 และ 116 และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวโดยอ้างว่าคดีดังกล่าวมีโทษรุนแรง ทำให้จำเลย 4 คนต้องถูกกักขังจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ทั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติ ไม่ใช่การก่ออาชญากรรมร้ายแรง
“ปัญหาของเรื่องนี้อยู่ที่ตัวบทกฎหมายและโครงสร้างการบังคับใช้ ซึ่งกระทบสิทธิพื้นฐานของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ ก่อนที่จะชี้ว่าหนทางที่ควรดำเนินการก่อนที่จะสายคือการแสวงหากุศโลบายที่สอดคล้องกับยุคสมัยเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันกับประชาชนภายใต้ระบบนิติรัฐ และทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ปลอดจากการเมือง ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง" นายพิธา กล่าว
ส่วนกรณี ส.ส.พรรคก้าวไกล 9 คน ที่ไม่ได้ร่วมลงชื่อสนับสนุนญัตติ นายพิธา กล่าวว่า ถือเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคที่ต้องยอมรับซึ่งกันและกัน หลายคนอาจชอบหรือไม่ชอบ แต่ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลยังมีความเป็นเอกภาพ
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า การที่พรรคก้าวไกลเสนอกฎหมาไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการล้มล้างการปกครอง เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อเป็นการล้มล้างการปกครองและไม่ได้ถือเป็นการยกเลิกกลไก คุ้มครองพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ เพียงแต่เป็นการปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัยส่วนที่มีกลุ่มไทยภักดีมายื่นคัดค้าน เป็นเรื่องปกติ ที่เป็นสิทธิจะเห็นด้วยหรือไม่ และยอมรับว่ากฎหมายนี้ไม่ถูกใจกลุ่มคนที่อยากให้ยกเลิกมาตรา 112 ด้วยเช่นกัน
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่จะถูกยุบพรรคก้าวไกลกรณีผลักดันแก้กฎหมาย 5 ฉบับ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่กังวลเพราะการยุบพรรคเกิดขึ้นได้ก็แก้ไขกันไปแต่ยืนยันว่าเป็นการปกป้องเสรีภาพของประชาชนที่ถูกคุมคาม ทั้งนี้หลังกฎหมายเข้าสภาฯ คงต้องพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างมีวุฒิภาวะอีกครั้ง