ชาวบ้านเดือด ปรี่เข้าทำร้ายมือฆ่าโหดสาววัย 15 ขณะตำรวจคุมตัวทำแผน สารภาพเมาเห็นผู้ตายแล้วเกิดอารมณ์ จึงขับเก๋งชนตกถนน ลงไปต่อยท้องข่มขืน ก่อนใช้เหล็กตีหน้าดับ จัดฉากอำพรางเป็นอุบัติเหตุ

นาทีที่ญาติพี่น้องผู้ตาย และชาวบ้านกว่า 200 คน พยายามฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่เข้าไปรุมประชาทัณฑ์ นายประถม เอียดขาว อายุ 49 ปี หรือ "บังหมัด กงหรา" พร้อมตะโกนสาปแช่งด้วยความแค้น ตำรวจต้องรีบเข้ามาห้ามก่อนรีบนำตัวขึ้นรถไป ขณะคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพจุดที่ฆ่าโหด "น้องนิหน่า" สาวอายุ 15 ปี เสียชีวิตบริเวณเกาะกลางถนนสายเอเชีย อ.บางกล่ำ จ.สงขลา

นายประถม รับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุไปดื่มเหล้ากับเพื่อนที่ อ.หาดใหญ่ ขากลับแวะเติมน้ำมันที่ปั้มน้ำมัน ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ 3 กิโลเมตร เห็น "น้องนิหน่า" หน้าตาดีขี่รถเข้ามาเติมน้ำมันเพียงลำพัง จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ เมื่อเติมน้ำมันเสร็จ จึงขับรถเก๋งไปดักรอริมถนน ก่อนจะขับเฉี่ยวชนรถ "น้องนิหน่า" จนตกคูน้ำ จากนั้นทำทีไปช่วยเหลือ แต่อาศัยจังหวะนี้ต่อยเข้าที่ท้อง 3 ครั้ง แล้วลงมือข่มขืน ระหว่างนั้นน้องพยายามต่อสู่ใชเล็้ข่วน จึงใช้หล็กขันล้อรถฟาดที่หน้า 2-3 ที จากนั้นใช้รถจักรยานยนต์ทับที่หน้าและร่างกายท่อนบน จัดฉากว่าเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ก่อนจะขับรถนำเสื้อของน้องไปทิ้งที่ อ.รัตภูมิ

ขณะที่พ่อของ  "น้องนิหน่า"  มาดูการทำแผนด้วย เรียกร้องให้ตำรวจประหารชีวิตคนร้าย หรือจำคุกตลอดชีวิต เพราะทราบว่าเคยก่อเหตุแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่สำนึกผิด ก่อเหตุซ้ำสอง ถือว่าจิตใจโหดร้ายมาก

ด้านคดี พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า ตำรวจแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดในปั้มน้ำมัน พบว่ารถของผู้ก่อเหตุขับช้าผิดปกติมาก เพราะจากปั้มน้ำมันมาถึงจุดที่มีกล้องวงจรปิดต้องใช้เวลาแค่ประมาณ 2 นาที แต่ผู้ก่อเหตุใช้เวลาถึง20 นาที จึงเป็นที่มาของขยายผลติดตามจับกุม รวมทั้งผลการตรวจ DNA จากซอกเล็บผู้ตาย พบว่าตรงกับ DNA ของนายประถมด้วย

ตรวจสอบประวัตินายประถม พบว่า เคยต้องโทษคดีพรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี เพื่อการอนาจารฯ เมื่อปี 2545 ในพื้นที่ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี โทษให้รองลงอาญา 2 ปี ปรับเงิน 5,000 บาท กระทั่งก่อเหตุซ้ำอีกครั้งนี้

ตำรวจจึงแจ้ง 3 ข้อหา คือ ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน

ขณะภรรยาของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ที่จังหวัดพัทลุง เปิดใจว่า ช็อกมาก ไม่เคยรู้เลยว่า สามีจะกลายเป็นคนร้ายฆ่าคนตาย เนื่องจากตั้งแต่อยู่กินกันมา สามีเป็นคนรักครอบครัว จะพูดกับลูกเสมอว่า ไม่ว่าจะยุ่งยังไง แต่ครอบครัวมาที่หนึ่งเสมอ รวมถึงเป็นคนขยันทำมาหากิน วันเกิดเหตุ สามีกลับมาที่บ้าน ไม่มีท่าทางมีพิรุธ ดูปกติมาก ตนก็ไม่เอะใจ จนตำรวจบุกมาจับกุมสามีที่บ้าน 

เช่นเดียวกับชาวบ้าน ส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อว่า ผู้ต้องหาจะเป็นคนแบบนี้ เพราะปกติเป็นคนดี ไม่ค่อยสุงสิง ไม่เคยสร้างความรำคาญให้เพื่อนบ้าน รู้สึกตกใจอย่างมาก