ร้านค้าผุดไอเดีย ทำขนมอาลัวเป็นรูป "พระเครื่อง" คนสั่งเพียบ ออเดอร์ทะลัก ชาวเน็ตคอมเมนต์แซว "ต้องสวดก่อนกินมั้ย" ขณะบางส่วนมองว่า ไม่เหมาะสม
"พระเครื่อง" หลากสีสันที่เห็นนี้ ทานได้ เพราะคือ "ขนมอาลัว" ของร้าน "มาดามชุบ" ที่ทำออกมาขายหลากหลายรูปทรง ผ่านเพจเฟซบุ๊กของร้าน โดยทางร้านโพสต์ระบุว่า “ขายกล่องละ 100 บาท จำนวน 20 ชิ้น เป็นรสออริจินัลควันเทียน เป็นการผลิตตามออเดอร์ อาจทำให้ล่าช้า และอาจต้องรอขนมนานถึง 2 สัปดาห์ เพราะมีคนสนใจสั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก”
ก่อนหน้านี้ทางร้านทำอาลัวเป็นรูปพระเครื่อง สีน้ำตาล ดูเหมือนจริงไปหน่อย ลูกค้าไม่กล้าทาน เลยปรับเปลี่ยนมาทำสีพาสเทล ทำให้ดูมุ้งมิ้งขึ้นหน่อย มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น ชื่นชมไอเดียในการผลิตจำนวนมาก บางคนเข้ามาแซวว่า ปลุกเสกความอร่อยแล้วจากทางร้าน บางคนถามว่าต้องสวดก่อนกินหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนมองว่า ไม่เหมาะสม ระบุว่า เป็นการดูหมิ่นที่นำสิ่งที่บูชามาทำเป็นอาหาร เป็นการเล่นของสูง
แต่ทางร้านโพสต์ชี้แจงว่า "ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดวัตถุมงคล ทั้งๆที่เป็นชาวพุทธ ยึดคำสอนเป็นแนวทางมากกว่า กินได้ก็ดีกว่าเก็บแล้วไม่รู้คุณค่า บาปไม่บาปอยู่ที่ความคิดจนกลั่นออกมาเป็นการกระทำที่มีผลกระทบและเสียหายต่อคนอื่น ส่วนใครจะมองว่าเป็นบาปที่กิน! เป็นความเชื่อที่ทางร้านเคารพความคิดเห็นค่ะ"
ขณะที่ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ได้โพสต์รูปภาพขนมดังกล่าว พร้อมข้อความอธิบายว่า ใครรับไม่ได้ อาตมาก็เคารพสิทธิ์ แต่สำหรับอาตมา ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องลบหลู่อะไร เรามักรับกันไม่ได้ที่พระเครื่องรูปแบบขนม แต่รับได้ถ้าพระเครื่องจะถูกนำมาปั้มวางขายเป็นตะกร้าองค์ละ 5 บาท 10 บาท หรือนำไปขายราคาองค์ละหลายล้าน
ด้าน นางสุชาดา หิรัญภัทรานันท์ วัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสงคราม ระบุว่า กรณีนี้ได้หารือกับสำนักงานพระพุทธศาสนา มีความเห็นตรงกันว่าการที่จะนำวัตถุมงคลที่เคารพของชาวพุทธศาสนิกชนไปทำเป็นรูปอาหารไม่น่าจะเหมาะสม ยิ่งหากวันไหนที่ขนมเสียนำไปทิ้ง และมีภาพสุนัขหรือแมวมากัดกินยิ่งไม่น่าดู โดยพรุ่งนี้ทั้ง 2 หน่วยงานจะลงไปให้คำแนะนำกับเจ้าของร้าน
สำหรับ "อาลัว" เป็นขนมที่มีกลิ่นหอมหวาน ผิวด้านนอกจะเป็นน้ำตาลแข็ง ด้านในเป็นแป้งหนืดๆ และมีหลากหลายสี โดยอาลัวมีต้นกำเนิดมาจากประเทศโปรตุเกส มีความหมายว่าเสน่ห์ดึงดูดใจ นอกจากนี้ ขนมอาลัวแบ่งได้เป็นสองชนิด คือ อาลัวชาววัง และ อาลัวจิ๋ว