เตรียมปิด #ซีรีย์สืบสวน เรื่องยาว หลังติดตามกับมากว่า 1 ปีเศษ กับการหายตัวไปของน้องชมพู่ วัย 3 ปี ที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาบนภูเหล็กไฟ จ.มุกดาหาร

เตรียมปิด #ซีรีส์สืบสวน เรื่องยาว หลังติดตามกับมากว่า 1 ปีเศษ กับการหายตัวไปของน้องชมพู่ วัย 3 ปี ที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาบนภูเหล็กไฟ จ.มุกดาหาร



จนวานนี้ ศาลฯออกหมายจับนายไชย์พล วิภา หรือ #ลุงพล ใน 3 ข้อหาฐาน “พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดา,ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และกระทำแก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมก่อนการชันสูตร ทำให้ผลทางคดีเปลี่ยนแปลง”
คล้อยหลังจากที่ลุงพล และป้าแต๋นได้เก็บข้าวของออกจากบ้านกกกอกอ้างไปเยี่ยมพ่อลุงพล กระทั่งช่วงเช้าที่ผ่านมา ตร.ได้นำหมายศาลเข้าค้นบ้านพักลุงพลที่บ้านกกกอก พบเพียงลูกชายที่มาเปิดประตูรับเท่านั้น ส่วนลุงพลเอง แอบดอดเข้ามอบตัวกับตำรวจที่ ตร.

พาย้อนดูร่องรอยและหลักฐานที่ถูกทิ้งไว้ ก่อนกลายเป็นหลักฐานมัดตัวคนร้าย
เริ่มต้นวันที่ 11 พ.ค.63 น้องชมพู่ ได้หายตัวไปจากบ้าน ในหมู่บ้านกกกอก ถูกพบเป็นศพบริเวณเขาภูเหล็กไฟ ในวันที่ 14 พ.ค.ห่างจากบ้านพัก 5 กม. ก่อนที่แพทย์ได้ผ่าชันสูตรศพ ในวันที่ 15 พ.ค. เวลาล่วงไปหลายเดือน ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ได้รวบรวมหลักฐานและข้อมูลต่างๆ



1.เส้นทางขึ้นเขาสูงกว่า 60 องศา มีความยากลำบาก 2.อาหารมื้อสุดท้ายเป็นไข่เจียว 3 คำ กับน้ำส้ม 1 ขวด ให้พลังงานไม่เพียงพอที่จะเดินขึ้นเขาได้ 3.ชาวบ้านบอกว่าเด็ก 3 ขวบ สามารถปีนป่ายได้ถึงชั้น 2 ของภูเหล็กไฟเท่านั้น แต่จุดพบศพห่างไกลออกไป 4.ยายที่เคยหลงป่าใช้เวลาเพียงวันเดียวก็พบ 5.หมอยันว่าเด็ก 3 ปีขึ้นภูเขาเองไม่ได้ 6.สภาพศพถูกเปลือยกาย พ่อแม่ยันเด็กถอดเสื้อเองไม่ได้ 7.เส้นผม 36 เส้นข้างศพ เป็นของเด็กเอง แต่ถูกตัดหรือเฉือนด้วยมีดจากบุคคลอื่น 8.น้องชมพู่กลัวสวนยาง กลัวที่สูง กลัวที่มืด ไม่เคยไปป่าเชื่อว่ามีคนพาไป

ศพภาพน้องชมพู่พบบาดแผลหลายจุด แต่ไม่มีแผลที่อันตรายถึงชีวิต ไม่มีร่องรอยล่วงละเมิดทางเพศ คาดน้องอาจเสียชีวิตมาอย่างน้อย 3 วัน คือช่วงวันที่ 12 พ.ค จุดที่พบศพมีอุณหภูมิและความชื้นสูง จึงเร่งให้ศพเน่าเปื่อยได้เร็ว ภายในเน่าเปื่อย มีของเหลวของศพปริมาณ 10 ซีซี แม้ไม่สามารถหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด แต่มีความเป็นไปได้ว่าขาดน้ำและอาหาร เพราะผิวหนังขาดน้ำ ไม่พบอาหารในกระเพาะอาหาร มีการบิดตัวในลำไส้

คำให้จากชาวบ้าน พยานกว่าร้อยปาก ระบุว่า ตอนเดินค้นหาน้องชมพู่ ที่ช่วงขวาของตีนภูเหล็กไฟก็พบแหวนสแตนเลสวงหนึ่งตกอยู่ซึ่งเป็นแหวนที่มีเพียงลุงพล ป้าแต๋นและแม่น้องชมพู่ใส่ แต่ก็ยังเป็นหลักฐานที่ไม่อาจมัดตัวคนร้ายได้

หลักฐานสำคัญในที่เกิดเหตุ กางเกงขาสั้นสีแดง รองเท้าแตะ 1 คู่ และเส้นขน 3 เส้น ที่เชื่อได้ว่าระบุดีเอ็นเอของคนสุดท้ายที่อยู่กับน้องชมพู่ก่อนเสียชีวิต หรือแม้แต่เป็นคนร้ายของคดีนี้ได้