กองปราบบุกทลายเครือข่ายปืนเถื่อนออนไลน์ 16 จุดทั่วประเทศ จับหนุ่มโรงกลึง ต้นตอลักลอบผลิต-ดัดแปลง

 
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม สั่งการให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการกองปราบปราม และ พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผู้กำกับการกองกำกับการ 5 กองปราบปราม นำกำลังตำรวจบุกจับกุมนายประจักษ์ พูลเพียร อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาผลิตปืนเถื่อน หลังเข้าตรวจค้นหอพักพนักงานโรงกลึงในพื้นที่ ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยขณะเข้าตรวจค้น นายประจักษ์ กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในห้องพัก ตำรวจจึงแสดงตัวพร้อมหมายศาลเพื่อจับกุม ก่อนค้นภายในห้องพัก พบอาวุธปืนปากกา และ ปืนแบลงค์กัน หรือ ปืนเสียงเปล่า ที่ถูกดัดแปลงให้สามารถใช้งานได้เหมือนปืนปกติหลายกระบอก พร้อมกระสุน และอุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืนอีกจำนวนมาก

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีขบวนการลักลอบผลิตและจำหน่ายอาวุธปืนเถื่อนออนไลน์ โดยตั้งกลุ่มลับในสื่อสังคมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางติดต่อซื้อขายแลกเปลี่ยนกันโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงนำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสเพิ่มเติม กระทั่งทราบว่า นายประจักษ์ ผู้ต้องหารายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว ทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตและรับดัดแปลงสิ่งเทียมอาวุธให้สามารถใช้งานได้เทียบเท่ากับอาวุธปืนทั่วไป

จากการสอบถาม นายประจักษ์ รับสารภาพว่า มีอาชีพเป็นพนักงานโรงกลึงดังกล่าว แต่รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพและภาระค่าใช้จ่ายสูง จึงหันมาร่วมกับพวกลักลอบผลิตปืนปากกา หรือ นำสิ่งเทียมอาวุธพวกปืนบีบีกัน ปืนแบลงค์กัน หรือ ที่รู้จักกันในชื่อปืนเสียงเปล่า มาดัดแปลงติดลำกล้องให้สามารถใช้งานได้เหมือนอาวุธปืนจริงทั่วไป แล้วนำไปขายต่อให้กับพ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อ ไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ในกลุ่มรับซื้อขายปืนเถื่อนออนไลน์ที่เปิดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นช่องทางติดต่อซื้อขายปืนเถื่อนกันโดยเฉพาะ โดยทำมาแล้วนานกว่า 2 ปี ผลิตปืนขายไปแล้วกว่า 100 กระบอก

นายประจักษ์ ให้การอีกว่า ลำกล้องปืนส่วนใหญ่จะทำขึ้นมาเอง เพราะพอมีความรู้เกี่ยวกับกลไกเครื่องมือการกลึงเหล็กอยู่บ้าง เนื่องจากเรียนจบการศึกษาระดับ ปวส.จากโรงเรียนอาชีวะ สาขาช่างกล ส่วนเครื่องมือและอุปกรณ์ ที่ใช้ผลิตจะเป็นของโรงกลึงที่ตนเองทำงานอยู่ โดยจะอาศัยช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยู่ แอบเข้าไปใช้งาน โดยต้นทุนในการผลิตขึ้นอยู่กับประเภทของปืน ตั้งแต่ 400-9,000 บาท ขายในราคา 16,000-20,000 บาทขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม ตำรวจกองปราบยังแบ่งกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอื่น ๆ ใน จ.นครสววรค์ จ.เพชรบูรณ์ จ.อุบลราชธานี จ.อำนาจเจริญ จ.ชลบุรี จ.สมุทรปราการ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.อ่างทอง จ.นนทบุรี และ จ.นครปฐม อีก 15 จุด เพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาเครือข่ายนี้ที่เหลืออีก 5 หมายจับ

นายประจักษ์ ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันผลิตหรือรับซ่อมแซมดัดแปลงอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, สั่งนำเข้าหรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีหรือครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนถูกคุมตัวดำเนินคดี