ทีมข่าวออนไลน์ช่อง8 เปิดปม หญิงผู้เสียหายเดือดร้อนอย่างหนัก หลังถูกนายทุนหวังฮุบที่สร้างโรงแรม ที่จ.ภูเก็ต จากตอนแรกเป็นผู้ให้เช่า แต่ถูกฟ้องร้องรวม 5 คดี
ทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ได้รับการร้องเรียนจาก "คุณปิ๊ก" ทายาทเจ้าของที่ดิน นส.3ก ใน จ.ภูเก็ต ที่เดิมครอบครัวเป็นผู้ปล่อยให้นายทุนเช่าทำธุรกิจโรงแรม แต่ผู้เช่าผิดสัญญาไม่จ่ายค่าเช่า จนมีการฟ้องร้องชนะคดี 3 ศาล แต่ไปๆ มาๆ ฝ่ายนายทุนฟ้องกลับ รวม 5 คดี
ทีมข่าวออนไลน์ช่อง8 ได้ประสาน นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส เพื่อหารือทางออกของคดีดังกล่าว
คุณปิ๊ก : เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เธอยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวมีที่ดิน นส.3ก พื้นที่ 1 ไร่ 3 งานเศษ เป็นที่ดินของครอบครัว และได้ปล่อยให้นายทุนเช่าประกอบธุรกิจโรแรม โดยให้เริ่มเช่าตั้งแต่ปี 2542
แต่พอผ่านมาประมาณปีที่ 12-13 เริ่มค้างค่าเช่า ซึ่งช่วงนั้นประมาณปี 2553
เบื้องต้นได้มีการทวงถามมาตลอดระยะเวลา 5 ปี จึงตัดสินใจฟ้องร้อง เบื้องต้นได้ยื่นฟ้องร้องบอกเลิกสัญญาในปี 2557 และ 2558 ซึ่งในปี 2558 เป็นการยกเลิกสัญญา
โดยศาลชั้นต้นพิพากษา ตัดสินในปี 2559 และมีการขับไล่ รวมถึงให้ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งหากดูในส่วนของค่าเสียหายจะประกอบไปด้วยหนี้เก่าที่ต้องชำระ รวมถึงค่าขาดผลประโยชน์ที่จะได้นับจากวันที่บอกเลิกสัญญาไปจนกว่าจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่
โดยในส่วนของหนี้เก่า คู่กรณีชำระแต่ครอบคลุมถึงเพียงเดือนธันวาคม 2562 แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้น คู่กรณียังใช้ประโยชน์ต่อ โดยที่ไม่ได้ติดต่อเพื่อชำระเพิ่มเติม
อ่านข่าวต้นเรื่อง : ทายาทร้องเจอนายทุนปรปักษ์ หวังฮุบที่ดินภูเก็ต
อ.ปรเมศวร์ : ทำไมไม่บังคับคดีขับไล่?
คุณปิ๊ก : บังคับคดีแล้ว ดำเนินการทุกอย่างแล้ว โดยในช่วงนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายจับ หลังจากนั้นคู่กรณี ก็ไปรายงานตัวกับศาล จากนั้นก็พยายามติดต่อคู่กรณีเรื่อยมา แต่เป็นช่วงสถานการณ์โควิด คู่กรณีต่อรองขอเลื่อนไปก่อน ในเรื่องของการที่จะทำสัญญาใหม่
โดยในสวนที่มีการยื่นฟ้องร้องคดีในคดีขับไล่ ศาลพิพากษาแล้วทางชั้นต้น ชั้นอุทธรณ์ และชั้นฎีกา โดยให้เจ้าของที่ดินชนะคดี
แต่ปรากฏว่า คู่กรณีได้ยื่นฟ้องร้องกลับถึง 3 คดี และยื่นฟ้องเพิ่มอีก รวมทั้งสิ้น 5 คดี
คดีแรกที่ถูกฟ้อง คือเรียกคืนค่าเสียหาย เนื่องจากลงทุนไปแล้ว และบีบให้ขายที่ 8 ล้านบาท
คดีที่ 2 ฟ้องร้องเบิกความเท็จ
คดีที่ 3 ยื่นฟ้องร้องขัดทรัพย์ โดยมีการกล่าวอ้างว่า ได้นำอีกบริษัทในเครือเข้ามาครอบครองทำประโยชน์ตั้งแต่ที่ดินรกร้าง แต่ในส่วนที่ศาลพิจารณาในส่วนสัญญาเช่า
ในส่วนนี้เราชนะความมาแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเราขับไล่เขาแล้วเขาไม่ไป
อ.ปรเมศวร์ : ขับไล่ไม่ไปต้องบอกศาลให้ศาลจับขังจนกว่าจะไป
คุณปิ๊ก : เขาไม่ไป อ้างว่าเขาขายกิจการให้อีกบริษัทไปแล้ว
อ.ปรเมศวร์ : เป็นคนละส่วนกัน สัญญาเช่าเช่าที่ดิน และมีการก่อสร้างโรงแรมใช่หรือไม่?
คุณปิ๊ก : ในเบื้องต้นได้มีการเข้าไปยึดทรัพย์สินยึดพื้นที่แล้วเมื่อ 6 พฤศจิกายน โดยในตอนนั้นคู่กรณียื่นขัดทรัพย์ว่าเป็นของบุคคลอื่น
อ.ปรเมศวร์ : ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน พร้อมกับระบุว่า ถ้าต้องการที่จะต่อสู้เรื่องการขัดทรัพย์ต้องต่อสู้ตั้งแต่ครั้งแรก ก็ทำอะไรไม่ได้
คุณปิ๊ก : พอฝ่ายเราเข้าไปขอคืนพื้นที่ ได้ดำเนินการยึดไม่ได้ จึงขอศาลออกหมายจับบริวารที่อยู่ในโรงแรม จากนั้นได้นำหมายเข้ามายึดพื้นที่คืน
แต่ผ่านมาเพียง 6 วัน คู่กรณีได้ดำเนินการไปขอหมายคุ้มครองฉุกเฉิน และหมายคุ้มครองชั่วคราวมา โดยศาลให้ตามคำร้อง รวมทั้งรับฟ้องด้วย
ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการติดป้ายล้อมรั้ว ติดป้ายห้ามบุกรุก แต่คู่กรณีนำกำลังเข้ามารื้อถอน โดยถือคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินเข้ามา ซึ่งศาลรับฟ้องเรียกค่าเสียหายเรา
อ.ปรเมศวร์ : ฟ้องก็ฟ้องไป ให้ทนายยื่นขอเพิกถอนคำสั่ง
คุณปิ๊ก : ทนายทำเรื่องเพิกถอนคำสั่งแล้วแต่ศาลไม่อนุญาต
อ.ปรเมศวร์ : ก็ให้วางทรัพย์
คุณปิ๊ก : ศาลแจ้งว่า ถ้าเกิดว่าเพิกถอนแล้วทางคู่กรณีก็ขอให้คุ้มครองชั่วคราวเข้าไปอีก เรื่อยๆ
อ.ปรเมศวร์ : ความจริงถ้าฟ้องขับไล่แล้ว จะไปฟ้องไว้ก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่ขอให้คุ้มครองศาลต้องไม่ให้ อันนี้มันไม่ใช่ครอบครองปรปักษ์ มันไม่เกี่ยวกัน
คุณปิ๊ก : ในส่วนที่คู่กรณีฟ้องร้องมีการกล่าวอ้างว่าเขาครอบครอง
อ.ปรเมศวร์ : ขอยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการครอบครอง เพราะไม่สามารถครอบครองได้ เนื่องจากมีคดีอยู่ และเจ้าของยังติดตามทรัพย์อยู่ตั้งแต่ศาลมีคำพิพากษาตั้งแต่ปี 2559 จึงไม่สามารถครอบครองได้
ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นการครอบครองปรปักษ์ ซึ่งหากคู่กรณีจะอ้างครอบครองปรปักษ์จะต้องอ้างตั้งแต่คดีแรก เบื้องต้นเจ้าของที่ดินยืนยันว่า ในคดีแรกที่มีการฟ้องร้องไม่พบว่ามีบุคคลอื่นครอบครอง จึงถือได้ว่า ถ้าไม่มีก็จบ ปิดปากแล้ว